โบโรแคล กิฟฟารีน ธาตุอาหารรอง-เสริม
โบโรแคล ประกอบด้วย แคลเซี่ยม 7% ในรูปของแคลเซี่ยมคีเลท และโบรอน 2% เป็นผลิตภัณฑ์ที่แนะนำให้ใช้ทุกครั้งทีมีการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ ยาป้องกันกำจัดแมลง ยาป้องกันกำจัดเชื้อราเพราะ….
- พืชต้องการแคลเซี่ยมทุกระยะการเจริญเติบโต และธาตุแมกนีเซี่ยม เป็นธาตุที่ไม่เคลื่อนย้ายในพืช หลังจากเป็นส่วน ประกอบของเซลล์แล้ว
- โบโรแคล กระตุ้นการแตกราก ทำให้รากดุดน้ำและแร่ธาตุจากดินได้มากขึ้น
- โบโรแคล ทำให้พืชทนแล้ง เนื่องจากระบบรากหยั่งลึกและมีปริมาณมาก
- โบโรแคล ทำให้ผนังเซลล์มีความแข็งแรงมาก สามารถป้องกันการเข้าทำลายของเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อราได้ดี
- โบโรแคลสามารถป้องกันโรคเชื้อราที่เกิดกับผลผลิต ในช่วงใกล้เก็บเกี่ยวหรือเก็บเกี่ยวไปแล้วจากเชื้อราได้ดี เช่น โรคก้นเน่าของมะเขือเทศ พริกหวาน โรคราที่เปลือกของผลไม้ ผลจุดของฝรั่ง
- โบโรแคล เสริมสร้างความแข็งแรงของเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย ความแข็งแรงของรังไข่ แก้ปัญหาการหลุดร่วง
- โบโรแคล เพิ่มอัตราการเคลื่อนย้ายอาหารจากใบมาที่ผลหรือหัว หรือส่วนผลผลิตที่เก็บเกี่ยว ทำให้ผลผลิตมีน้ำหนักดี รสชาติดี ทนทานต่อการขนส่ง และมีอายุหลังการเก็บเกี่ยวได้นาน
*****ใช้โบโรแคลทุกครั้งป้องกันเชื้อรา*****
*****โบโรแคลใช้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เปิดใจเกษตรกรได้ดี*****
โบโรแคล กิฟฟารีน ธาตุอาหารรอง-เสริม
อัตราการใช้ โบโรแคลแนะนำการใช้หลายอัตราขึ้นอยู่กับสภาพของพืชดังนี้
สภาพปกติ ใช้โบโรแคล 1 ช้อนตวง (5 กรัม) ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 7-10 วัน
พร้อมปุ๋ยทางใบหรือยาป้องกันกำจัดศัตรูพืช ยกเว้นยาฆ่าหญ้า
เพื่อส่งเสริมให้พืชแข็งแรงเติบโตดี มีระบบรากดี ขั้วดอก-ผล เหนียว ผลผลิตมีน้ำหนักดี
สภาพผิดปกติ เมื่อพืชเป็นโรคหรือ เมื่อต้องการให้พืชต้านทานต่อการเข้าทำลายของเชื้อรา
ใช้ 2 ช้อนตวง (10 กรัม) ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพร้อมยาป้องกันกำจัดเชื้อรา
แต่การฉีดในอัตราสูง 3-4 ช้อนตวง ต่อน้ำ 20 ลิตร แนะนำให้ฉีดช่วงระยะสั้น ๆ 2-3 ครั้งเท่านั้น
หลังจากนี้ต้องกลับมาฉีดในอัตราปกติ (ไม่เกิน 1-2 ช้อนตวง ต่อน้ำ 20 ลิตร)
เมื่อต้องการให้พืชทนแล้ง ฉีดพ่นโบโรแคลอัตรา 2 ช้อนตวง (10 กรัม) ต่อน้ำ 20 ลิตร
พร้อม ๆ กับ ท็อปเอ็น 30-0-0 อัตรา 100 ซี.ซี. 2-3 ครั้ง ทุก 10 วัน
ธาตุอาหารรอง – เสริม คือกลุ่มธาตุอาหารที่พืชต้องการในปริมาณน้อย
ปัจจุบันมักแสดงอาการขาดธาตุเหล่านี้ เนื่องจากดินขาด หรือถ้าดินไม่ขาดแต่เกษตรกรขาดการบำรุงดิน
ทำให้ธาตุเหล่านี้ไม่สามารถถูกปลดปล่อยจากดินได้
สิ่งที่ควรคำนึงถึง
- ธาตุกลุ่มนี้ ได้แก่ แคลเซี่ยม (Ca) แม็กนีเซี่ยม (Mg) กำมะถัน (S) เหล็ก (Fe) สังกะสี (Zn) ทองแดง (Cu) แมงกานิส(Mn) โบรอน (B) โมลิบดินั่ม (Mo) และคลอลีน (CI)
- ธาตุเหล่านี้ ถ้าขาดพืชจะเจริญเติบโตผิดปกติ ถ้าขาดมากพืชจะตาย
- ควรสังเกตอาการพืชที่ปลุกและจดจำอาการจ่าง ๆ ที่ผิดปกติ เพื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ให้ถูกต้อง
สามารถนำรหัสสมาชิก 37087100 ไปซื้อได้ที่ศูนย์ธุรกิจกิฟฟารีนทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage : Giffarine Easy
Email : thatsaya1968@gmail.com
โทร. 064-1860236 / Line id : @easygiff
สมัครสมาชิกกิฟฟารีนป้อนข้อมูลที่นี่ค่ะ