ริดสีดวงทวาร ทานอะไรดี Hemorrhoids
ริดสีดวงทวาร หมายถึง…การมีกลุ่มของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ และที่ขอบรูทวารหนักโป่งพองและยื่นออกมา
แบ่งเป็น 2 ชนิด ชนิด
เป็นภายใน หมายถึง ริดสีดวงทวารที่เกิดเหนือทวารหนักขึ้นไป
ตาม ปกติจะไม่โผล่ออกมาให้เห็นและคลำไม่ได้
และมักจะถูกคลุมด้วยเยื่อลำไส้ใหญ่ตอนปลายสุดจะไม่ก่อให้เกิดความ เจ็บปวดในขณะที่ยังไม่มีอาการแทรกซ้อน
ส่วนริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายนอก หมายถึง ริดสีดวงที่เกิดขึ้นบริเวณปากรอยย่นของทวารหนัก
สามารถมองเห็นและคลำได้
หลอดเลือดที่โป่งพองจะถูกคลุมด้วยผิวหนังจึงอาจเกิดความเจ็บปวดได้
เพราะผิวหนังมีปลายประสาทรับความรู้สึก
สาเหตุ
ปัจจัยทางพันธุกรรม พบว่ายีน FOXC2 gene บนโครโมโซมคู่ที่ 16
อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดของโรคและเส้นเลือดขอดที่ขา
อาชีพ ผู้ มีอาชีพที่ต้องยืนนานๆ
จะมีผลให้ความดันเลือดในหลอดเลือดดำบริเวณปากทวารไหลกลับสู่หลอดเลือดดำใน
ช่องท้องช้าลง โดยทั่วไปหลอดเลือดดำมีลิ้นเพื่อให้เลือดดำไหลกลับได้ทางเดียว
แต่เมื่อการไหลของเลือดดำช้าลงประกอบกับมีความดันในช่องท้องสูง
จึงเกิดการคั่งของหลอดเลือดดำบริเวณกลุ่มหลอดเลือดปากรูทวารหนัก
ส่งผลให้กลุ่มหลอดเลือดดำโป่งพองจนเกิดอาการของโรค
เกิดจากโรคแทรกซ้อนของโรคอื่นๆ เช่น
โรคตับแข็ง หรือโรคตับอักเสบไวรัสบี
ซึ่งจะมีอาการท้องมานในระยะสุดท้าย
และเมื่อมีน้ำในช่องท้องมากๆ จะส่งผลไปกดการไหลเวียนเลือดในช่องท้อง
เป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดดำไหลกลับเข้าช่องท้องได้ไม่ดีนัก
อาการ
ระยะที่ 1 – มีเส้นเลือดดำโป่งพองในทวารหนัก
เวลาเบ่งถ่ายอุจจาระก็จะปรากฏว่ามีเลือดไหลออกมาด้วย
ถ้าท้องผูกจะปรากฏว่ามีเลือดไหลออกมาด้วย
ถ้าท้องผูกจะยิ่งปรากฏว่ามีเลือดออกมากยิ่งขึ้น
ระยะที่ 2 – อาการมากขึ้น หัวริดสีดวงทวารโตมากขึ้น เริ่ม
โผล่ออกมาพ้นทวารหนักแล้วพอควร
เวลาเบ่งอุจจาระก็จะออกมาให้เห็นมากขึ้น
แต่เวลาถ่ายอุจจาระเสร็จแล้วก็จะหดกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้เอง
ระยะที่ 3 – อาการุนแรงมากยิ่งขึ้น เวลา
ถ่ายอุจจาระหัวริดสีดวงทวารจะโผล่ออกมามากกว่าแต่ก่อน
หรือเวลาจาม ไอ ยกสิ่งของหนักๆ ที่ความเกร็ง เบ่งในท้องเกิดขึ้น
หัวริดสีดวงทวารจะออกมาข้างนอกทวารหนัก
แล้วก็กลับเข้าที่เดิมไม่ได้ ต้องเอานิ้วมือดันๆ เข้าไปถึงจะเข้าไปอยู่ภายในทวารหนักได้
ระยะที่ 4 – ริดสีดวงกำเริบมาก โตมากขึ้นแล้ว
มองเห็นได้จากภายนอกอย่างชัดเจน เกิดอาการบวม อักเสบ อาการแทรกซ้อน
เมื่อมาถึงระยะที่ 4 อาการ ก็รุนแรงมาก มีเลือดออกมาเสมอ อาจมีน้ำเหลือง เมือกลื่น
และอุจจาระก็ยังตามออกมาอีกด้วย ทำให้เกิดความสกปรกและมีอาการเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา
อาจเกิดอาการคันด้วย บางทีอาจเน่าและอักเสบมากยิ่งขึ้น
การติดเชื้อโรคเป็นไปได้ง่าย และเมื่อเลือดออกมาเรื่อยๆ
จะเกิดอาการซีด มีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลดลง จะเกิดอาการหน้ามืด
การรักษา
ระวังอย่าให้ท้องผูก ควรดื่มน้ำมากๆ และกินผักผลไม้มากๆ ถ้ายังท้องผูก
ให้กินยาระบาย เช่น ยาระบายแมกนีเซีย ดีเกลือ อีแอลพีหรือสารเพิ่มกากใย
ถ้าปวดมากเนื่องจากมีการอักเสบ ให้กินยาแก้ปวด นั่งแช่ในน้ำอุ่นจัดๆ
วันละ 2-3 ครั้งๆ ละ 15-30 นาที และใช้ยาเหน็บริดสีดวงทวารจนอาการบรรเทา
ปกติใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน
ถ้าผู้ป่วยมีอาการซีด พิจารณาให้ยาบำรุงเลือดเสริมธาตุเหล็ก
ถ้าหัวริดสีดวงหลุดออกข้างนอก ให้ใส่ถุงมือใช้ปลายนิ้วชุบสบู่ให้หล่อลื่น
แล้วดันหัวกลับเข้าไป ถ้าไม่ได้ผล แนะนำให้ไปโรงพยาบาล
ถ้ามีเลือดออกนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ หรือเป็นๆ หายๆ บ่อย
หรือสงสัยมีโรคอื่นร่วมด้วย หรือพบในคนอายุมากกว่า 40 ปี
ควรตรวจด้วยเครื่องส่องตรวจทวารหนัก ถ้าหากสงสัยเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่
ถ้าเป็นมากอาจพิจารณารักษาด้วยวิธีต่อไปนี้
การฉีดยาเข้า ที่หัวให้ฝ่อไป วิธีนี้สะดวก ปลอดภัย ไม่เจ็บปวด
มักจะฉีดสัปดาห์ละครั้ง ประมาณ 3-5 ครั้ง ช่วยให้หายขาดได้ร้อยละ 60
วิธีใช้ยางรัด ทำให้หัวฝ่อ
ใช้แสงเลเซอร์รักษา
รักษาโดยการผ่าตัด
ขอบคุณข้อมูลจาก
ที่มา: นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
ริดสีดวงทวาร ทานอะไรดี Hemorrhoids
ต้องเน้นว่า ไม่ให้ท้องผูก แนะนำ มะละกอสุก ถ้าไม่ได้ผลก็น้ำลูกพรุนครับ
อาหารสุขภาพที่ดี และมีวิจัยตรงคือ ใบบัวบก โกตูล่าซีอี ครับ อาจะทาน หนึ่งเม็ดเช้าเย็น หรือเช้ากลางวันเย็นได้
ต้องรักษาคู่คุณหมอเสมอนะครับ ยิ่งมีเลือดออกต้องหาหมอโดยเร็ว
ถ้าเป็นแรกๆ ก็ต้องหา เพื่อดูว่าไม่ใช่โรคอื่นที่ร้ายแรงกว่านี้เช่นมะเร็งต้องให้หมอดูก่อนครับ
ถ้ามีก้อนออกมา และยัดไม่เข้า เป็นระดับมากที่ต้องผ่าตัดเสมอครับ
โรคนี้หนีหมอไม่ได้เลย เหมือนไฟไหม้น้อยๆในตัวเราต้องรีบดับ ยิ่งทิ้งยิ่งเสียหาย เจ็บ และลุกลามนะครับ
ต่อไปเป็นเรื่องน่ารู้กับเรื่องนี้นะครับ สนใจอ่านต่อ ไม่สนใจเลิกอ่านได้เลย
โรคริดสีดวงทวาร
เป็นการอักเสบ และมีมีเส้นเลือดขอดในรูทวารหนัก
รูทวารหนักส่วนบน จะมีเส้นแบ่งชื่อว่า เพคติเนทไลน์ ( Pectinate line )
ประมาณ 1 ซ.ม. จากปากรูทวาร ถ้ามีเส้นเลือดขอดเหนือเส้นนี้
จะเป็นริดสีดวงทวารภายใน ( Internal hemorrhoid )
จะไม่มีอาการเจ็บปวด แต่จะมีเลือดออกได้ง่าย เป็นเลือดสดเคลือบอุจจาระ
หรือ หยดติ๋งๆ โดยไม่เจ็บก็ได้ บางรายจะมีอาการหน่วงๆ นิดหน่อย
ถ้าต่ำกว่าเส้น เพคติเนท ไลน์ นี้ คือ ใกล้ปากทางออก
จะเป็นริดสีดวงทวารภายนอก ( External hemorrhoid) มักจะมีอาการเจ็บปวดมาก
ริดสีดวงทวารแบบภายในสามารถแบ่งได้ตามการยื่นของก้อนริดสีดวงทวาร ดังนี้
ระดับ 1 ไม่มีการยื่นของก้อนออกมา
ระดับ 2 มีการยื่นของก้อนออกมาขณะถ่าย แต่สามารถกลับเข้าไปได้เองทันที
ระดับ 3 มีการยื่นของก้อนออกมาขณะถ่าย ต้องดันก้อนกลับไปเอง
ระดับ 4 มีการยื่นของก้อนออก โดยไม่สามารถดันก้อนกลับเข้าไปได้
สาเหตุ เกิดได้จาก
- กรรมพันธุ์
- ลักษณะนิสัยการถ่ายผิดปกติ (ท้องผูก หรือ ท้องเสีย)
- การออกกำลังกายน้อย
- รับประทานอาหารที่มีเส้นใยน้อย
- มีการเพิ่มของความดันภายในช่องท้องเป็นเวลานาน
- ตั้งครรภ์ ความอ้วน
- การนั่งถ่ายอุจจาระเป็นเวลานานๆ
การรักษา
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องรีบพบแพทย์ตรวจก่อนเสมอ ผู้ป่วยมักจะอาย และรีรอนาน ทำให้เป็นมาก
และยังต้องแยกโรค จากมะเร็งลำไส้อีกด้วย บางรายเป็นมะเร็ง แต่คิดว่าตนเป็นริดสีดวง
ทำให้รักษาผิดทาง มะเร็งลุกลามรักษาไม่ทัน
การรักษา..
1 เพิ่มอาหารที่มีเส้นใยมาก เช่น ผัก และผลไม้
2. ทำให้อุจจาระนิ่มโดย ดื่มน้ำให้มากขึ้น และอาจให้ยาระบายร่วมด้วยถ้ามีอาการท้องผูก
3. รักษาอาการและสาเหตุของท้องเสียถ้ามี
4. ยาระงับอาการ ยาเหล่านี้ควรใช้เมื่อมีอาการและไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
ยาที่ใช้ได้แก่ ยาสอดทวารหนัก, ยาขี้ผึ้งทวารหนัก, ยารับประทาน
การรักษาที่พิเศษ เช่น ฉีดยาเข้าเส้นเลือดที่ขอด เพื่อให้แข็งตัวอุดตัน
การใช้ยางรัด การจี้ด้วยอินฟราเรด และการผ่าตัด มีได้หลายวิธีมักจะต้องทำในรายที่เป็นมากๆ เท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจากการถามตอบ ห้องไลน์คุณหมอตั้มค่ะ
สามารถนำรหัสสมาชิก 37087100 ไปซื้อได้ที่ศูนย์ธุรกิจกิฟฟารีนทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage : Giffarine Easy
Email : thatsaya1968@gmail.com
โทร. 064-1860236 / Line id : @easygiff
สมัครสมาชิกกิฟฟารีนป้อนข้อมูลที่นี่ค่ะ